แบบบ้านแต่ละสภาพอากาศ

แบบบ้านแต่ละสภาพอากาศ ทุกคนคะเคยสงสัยางบ้ไหมว่า ทำไมแต่ละประเทศ ต้องมีลักษณะของบ้าน ที่แตกต่างกันไป โดยปัจจัยหลัก คือศาสนาและวัฒนธรรม และอีกปัจจัยหนึ่งก็ คือสภาพภูมิอากาศ จึงทำให้โครงสร้างของบ้านในแต่ละประเทศ แตกต่างกันออกไป บางประเทศนิยมนำไม้มาทำบ้าน บางประเทศก็ใช้ใช้อิฐปูน เป็นส่วนใหญ่ แต่จะเป็นอย่างไรนั้นเราไปดูกันเลยจ้าทุกคน

แบบบ้านแต่ละสภาพอากาศ

บ้านร้อน! ถือเป็นปัญหาโลกแตก ที่แก้ได้ยากมากถึงมากที่สุดในประเทศไทย เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ไทยเป็นประเทศที่อยู่ในเขตร้อนชื้น ดังนั้น จึงไม่สามารถหลีกหนี สภาพอากาศที่ร้อนจัดไปได้ หนำซ้ำยังส่งผลกระทบเข้ามาถึงภายในตัวบ้าน

แบบบ้านแต่ละสภาพอากาศ

ข้อควรรู้ออกแบบบ้านอย่างไร ให้เหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทย

โดยปัญหาที่มักพบคือ ความร้อนจากภายนอก บุกเข้ามาภายในบ้าน ทำให้เกิดความร้อนสะสม และอากาศไม่มีการระบาย ส่งผลให้อึดอัด ประหนึ่งว่าอยู่ในเตาอบที่มีอุณหภูมิความร้อนสูงปรี๊ด! ทั้งนี้ทั้งนั้น จะโทษสภาพอากาศเพียงอย่างเดียวก็ไม่ถูกไปเสียทั้งหมด เพราะสาเหตุที่เกิดความร้อนสะสมภายในบ้าน

ส่วนหนึ่งมาจากการออกแบบบ้านที่ไม่เหมาะกับ สภาพอากาศในประเทศไทย อีกทั้งไม่มีช่องลมให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก หรือไม่ติดฉนวนกันความร้อน ก็ส่งผลทำให้เกิดปัญหาบ้าน ร้อนหนักมากที่สาหัสเช่นกัน

1.สร้างในทิศทางที่เหมาะสม
ทิศทางการสร้างบ้าน เป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรให้ความ สำคัญมาเป็นลำดับต้นๆ โดยแนะนำให้สร้างบ้านทางทิศใต้ เนื่องจากเป็นทิศทางลมที่เข้าออกบ้านได้ดี ช่วยให้อากาศ ถ่ายเทได้สะดวก อีกทั้งการสร้างบ้านที่คำนึงถึง ช่วงฝนตก ก็เป็นอีสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อจะได้ป้องกันไม่ให้น้ำฝนกระเด็น เข้ามาในตัวบ้าน ส่งให้เกิดความเสียหายตามมาภายหลัง

2.เลือกใช้วัสดุกันความร้อน
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยลดปัญหา บ้านร้อนได้ดีไม่น้อย โดยกระเบื้องประเภทดินเผาเป็น วัสดุที่ช่วยทำให้บ้านเย็น หรือเลือกกระเบื้องโทนสีอ่อน เนื่องจากสามารถสะท้อนความร้อนได้ดี และวัสดุที่ควรหลีกเลี่ยง ในการสร้างบ้านคือการตกแต่งผนังบ้านด้วยอิฐ เพราะหากก่ออิฐไม่ดีก็มีส่วนเกิดความร้อน สะสมภายในบ้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสามารถ แก้ไขได้ด้วยการ ก่ออิฐมอญที่มีความหนาประมาณ 20 เซนติเมตร ซึ่งความร้อนจะผ่านเข้ามาได้ยาก นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้กระเบื้องที่ประเภทซีเมนต์ เพราะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ เกิดปัญหาความร้อน สะสมภายในบริเวณบ้าน

3.ผนังบ้านที่เหมาะสม
ผนังเฉดสีอ่อนจะไม่เกิดการสะสมความร้อนภายใน บ้านเท่ากับโทนสีเข้ม อีกทั้งยังทำให้เกิด ปัญหาบ้านร้อนอบอ้าว ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมทาสีกันชื้นก่อนลงสีจริง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราบนผนัง หรือสีหลุดล่อนในภายหลัง

4.ออกแบบหลังคาที่ให้มีช่องระบาย
หลังคาถือเป็นบริเวณที่ต้องรับ แสงแดดโดยตรง ดังนั้น แนะนำให้เลือกสร้าง หลังคาทรงปั้นหยา ทรงจั่ว หรือเพิงหมาแหงน โดยจะช่วยให้ไม่ให้เกิดความร้อน สะสมภายในบ้าน นอกจากนี้ควรสร้างฝ่าชายคาให้มีช่องระบายอากาศ หรือติดฉนวนกันความร้อนเพื่อให้สะท้อน ความร้อนจากภายนอกออกไป อีกทั้งยังช่วยป้องกัน ไม่ให้เกิดความร้อนในบ้านอีกด้วย บ้านแต่ละสภาพอากาศ

5.สร้างที่บังแดดให้ตัวบ้าน
อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันแสง แดดจากภายนอก ก็คือการติดตั้งกันสาด หรือระแนง โดยการยื่นออกมาจากผนังบ้าน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยป้องกันแสงแดดไม่ให้สาดส่องเข้ามาภายในตัว บ้าน

6.สร้างช่องระบายอากาศ
การสร้างช่องระบาบอากาศภายในบ้าน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยทำให้ อากาศถ่ายเทสะดวก ลดปัญหาบ้านมีความร้อนสะสม และมีความอบอ้าวที่เหมือนอยู่ในเตาอบ! ที่สำคัญคือควรเปิดหน้าต่าง เพื่อเป็นการระบายอากาศ เพื่อให้มีลมเข้าออกภายในบ้าน

7.ติตตั้งฉนวนกันความร้อน
เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันแสง แดดจากภายนอกได้ดีทีเดียว โดยแนะนำให้ติดตั้งฉนวน กันความร้อนบริเวณหลังคา หรือบริเวณผนังบ้าน

บ้านเขตร้อน

หลายคนได้ยินว่าเขตร้อนก็อาจ จะจินตนาการไปถึง ทะเลทรายแต่จริงๆ แล้วสภาพอากาศแบบนี้ คือบ้านเราเลยครับซึ่งภูมิอากาศในเขตนี้ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 27 องศาเซลเซียส

  • ลักษณะของบ้าน : มักเน้นที่ช่องหรือปล่อง ให้ลมไหลเวียน ภายในตัวบ้าน เพื่อไม่ทำให้บ้านร้อน
  • ครอบคุมในพื้นที่ : ไทยตอนใต้ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนิเซีย ติมอร์เลสเต บรูไน เป็นต้น
แบบบ้านแต่ละสภาพอากาศ

แบบบ้านที่เหมาะกับภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน

  • ลักษณะของบ้าน : แบบบ้านก็คล้ายๆ กันที่มีช่องให้ลมไหลผ่าน ภาพไหลก็โปร่งโล่ง ใต้หลังคาไม่ติดเพดานเพื่อให้ลมไหลเวียนดี แต่คุณสมบัติของบ้านคล้ายแต่ เรื่องโครงสร้างแตกต่างกัน เนื่องจากวัฒนธรรม และศาสนา
  • ครอบคุมในพื้นที่ : ตอนใต้ของประเทศไลบีเรียร์ ประเทศโกตติวัวร์

บ้านเขตแห้งแล้ง

แบบบ้านที่เหมาะกับภูมิอากาศแบบทะเลทรายเขตอบอุ่น
ภูมิอากาศแบบนี้มักจะพบ ในประเทศแถบเอเชียกลาง ช่วงหน้าร้อนจะร้อนยาวนาน ช่วงหน้าหนาวจะเย็นมาก

  • ลักษณะของบ้าน : ก็มักจะค่อนข้างแข็งแรง รูปทรงแบบบ้านอาหรับ มีความหรูหรา สวยงาม
  • ครอบคลุมในพื้นที่ : ประเทศเติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน คาซัคสถาน

แบบบ้านที่เหมาะกับภูมิอากาศทะเลทรายเขตร้อน
ภูมิอากาศแบบทะเลทรายเขตร้อน แค่ได้ยินชื่อก็เข้าใจแล้วว่าต้องร้อนแค่ไหนโดยอากาศโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียส มีความแห้งแล้ง และมีฝนตกน้อยมาก

ภูมิอากาศแบบทะเลทรายเขตร้อน
  • ลักษณะของบ้าน : เป็นแบบอาหรับที่มีความหรูหราสวยงาม มีความกว้าง และโถงสูงเพื่อทำให้ลมไหลเวียนภายในห้อง และหมุนเวียนนำความร้อนออกได้ดี
  • ครอบคลุมในพื้นที่ : ประเทศเยเมน โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ บาห์เรน จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย ซีเรีย อิรัก อิหร่าน อัฟกานิสถาน และปากีสถาน

บ้านเขตเย็น

แบบบ้านที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตทรุนดา
เป็นภูมิอากาศที่มีความเย็น ตลอดทั้งปีมีฤดูร้อนแบบสั้นๆ อากาศหนาวสุดอยู่ที่ -18 องศาเซลเซียส และร้อนที่สุดอยู่ที่7-10 องศาเซลเซียส

เป็นภูมิอากาศที่มีความเย็น
  • ลักษณะของบ้าน : แบบบ้านก็จะเน้นความหน้าของกำแพง และความแข็งแรงของหลังคาที่ต้องรองรับน้ำหนักของหิมะ และมีความชันมากเป็นพิเศษ เพราะกาหากเป็นทรงหลังคาแบบไทย ผมว่าบ้านต้องมีถล่มแน่นอน อย่างไรก็ตาม การอาศัยอยู่มนสภาพภูมิอากาศแบบนี้ ค้องมีเตาผิง และฮีตเตอร์ด้วยนะครับ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นภายในบ้านครับ
  • ครอบคลุมในพื้นที่ : แคนาดา รัฐอะลาสกาของ สหรัฐอเมริกา ชายฝั่งเกาะกรีนแลนด์ และตอนเหนือของรัสเซีย

บ้านเขตอบอุ่น

แบบบ้านที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตอบอุ่นชื้น
เจอทั้งอากาศร้อนอากาศเย็นมาแล้ว มีพบกับอากาศอบอุ่นบ้าง อุ่นจริงหรอ? หึ ไม่ได้อุ่นสักเท่าไหร่เลย เขตอบอุ่นเป็นเขตที่มีหน้าร้อนที่มีฝนตก และหน้าหนาวที่มีหิมะตก และหนาวจัด

  • ลักษณะของบ้าน : ก็จะเน้นที่โครงสร้างหลังคารับน้ำหนักหิมะได้ และระบายความร้อนได้ในช่วงหน้าร้อน และความพิเศษของประเทศญี่ปุ่นคือเป็นประเทศที่เป็นเกาะ และตั้งอยู่บนวงแหวนไฟ ซึ่งเป็นแนวของภูเขาไฟใต้น้ำ มักจะส่งผลให้เปิดแผ่นดินไหวและสึนามิบ่อยๆ วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง มักจะเน้นที่การใช้ที่แข็งแรงเป็นพิเศษ
  • ครอบคลุมพื้นที่ : บริเวณภาคตะวันออกของประเทศจีน ภาคใต้ของประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้ ฮ่องกง ตอนเหนือของประเทศอินเดีย ลาว และตอนเหนือของประเทศเวียดนาม
แบบบ้านที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตอบอุ่นชื้น

แบบบ้านที่เหมาะกับภูมิอากาศเขตภาคพื้นสมุทรชายฝั่งตะวันตก
ลักษณะอากาศ คือมีฝนตกชุกตลอดทั้งปี เนื่องจากได้รับอิทธิพลจาก กระแสน้ำอุ่นแอตแลนติก และในช่วงฤดูหนาว ไม่ค่อยหนาวสักเท่าไหร่

  • ลักษณะบ้าน : คือตัวบ้านทำค่อนข้างแข็งแรง และมีหน้าหลายบาน ทรงหลังคาทำมุมไม่ชันมาก มีความชันคล้ายคลึงกับหลังคาทั่วไปของไทย
  • ครอบคุลมในพื้นที่ : พบบริเวณคาบสมุทรอนาโตเลีย ในประเทศตุรกี จอร์เจีย